ค่า BMI สำหรับการดูดไขมันคืออะไร?
BMI อัตราส่วนระหว่างน้ำหนักต่อส่วนสูง เป็นค่าที่นิยมใช้เป็นตัววินิจฉัยว่าใครน้ำหนักตัวเกินหรืออาจเป็นโรคอ้วน และใช้สำหรับประเมินการดูดไขมันในการดูดไขมันผู้ที่เหมาะจะทำศัลยกรรมดูดไขมันควรมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) น้อยกว่า 30 นั้นกำลังดีเพราะการดูดไขมัน (Liposuction) เหมาะสำหรับผู้ที่มีรูปร่างและน้ำหนักตัวที่ไม่อ้วนมาก ต้องการจะมีสัดส่วนที่ดีขึ้นหรือต้องการที่จะมีสัดส่วนในแบบที่ต้องการ และมีบริเวณที่มีการสะสมของไขมันที่กำจัดได้ยาก แต่ละคนจะมีน้ำหนักตัว สัดส่วน รวมถึงไขมันไม่เท่ากัน การคำนวณค่าดัชนีมวลกาย ทำให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญนำไปประเมินรูปร่างคร่าวๆ ได้
ค่าดัชนีมวลกาย BMI คืออะไร
ค่า BMI คือค่าดัชนีที่ใช้ชี้วัดความสมดุลของน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) และส่วนสูง (เซนติเมตร) ซึ่งสามารถระบุได้ว่า ตอนนี้รูปร่างของคนคนนั้นอยู่ในระดับใด ตั้งแต่อ้วนมากไปจนถึงผอมเกินไป Body Mass Index (BMI) มีสูตรการคำนวณ = น้ำหนักตัว[Kg] / (ส่วนสูง[m] ยกกำลังสอง) สูตรคำนวณเหมาะสำหรับใช้ประเมินผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ประโยชน์ของการวัดค่า BMI เพื่อดูอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ตรวจสอบภาวะไขมันและความอ้วน ดังนั้นการทำให้ร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพในระยะยาว
สำหรับค่าดัชนีมวลกายที่เหมาะสมมีดังนี้
ภัยเงียบ !! โรคที่มาพร้อมกับไขมันสะสม
การดูดไขมันเป็นวิธีกำจัดไขมันที่รวดเร็ว ช่วยแก้ปัญหารูปร่างให้เข้าที่ เสริมสร้างบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัว แต่ไขมันในบางตำแหน่งไม่สามารถลดลงได้ จึงควรปรึกษาศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางอย่างใกล้ชิด เพื่อเลือกวิธีการที่เหมาะสม ลดความกังวลใจ ภาวะแทรกซ้อนต่ำ และได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
สำหรับการดูดไขมันในบริเวณต่างๆก็ไม่ได้การันตีว่าไขมันจะหมดไปอย่างถาวร เพียงแต่ช่วยให้ดีขึ้นเท่านั้น สมมติมีไขมันอยู่ 100% หลังดูดออกอย่างมากจะออกไป 60% ของไขมันทั้งหมด หลังจากนั้นไขมันก็อาจจะกลับมาใหม่ เวลาทานอะไรเข้าไป แต่อาจจะกลับมาไม่ถึง 100% โดยอาจจะกลับมาแค่ 80% เท่านั้น แต่ถ้าหากไม่มีการควบคุมอาหารที่ดีพอ ไขมันก็อาจกลับมาเท่าเดิมได้เช่นกัน