IV Drip ดูแลสุขภาพแนวใหม่ ฟื้นฟูสุขภาพผิวถึงระดับเซลล์

IV Therapy ย่อมาจาก Intravenous Therapy หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า  Vitamin Drip เป็นการให้วิตามินหรือสารน้ำผ่านทางหลอดเลือดดำเข้าสู่ร่างกายซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน ปลอดภัย เห็นผลไว และใช้เวลาในกระบวนการทำไม่นาน 

เสริมเกราะป้องกัน ฟื้นฟูสุขภาพถึงระดับเซลล์ผิวด้วย IV Drip / Vitamin Drip              
การฉีดวิตามินผิวใส คือ การฉีดตัวยาที่มีส่วนผสมของวิตามินต่าง ๆ เข้าไปในผิว วิตามินผิวใสที่นิยมทำกันในปัจจุบันนั้น ตัวยาที่ออกฤทธิ์หลักเป็น วิตามินซี (Vitamin C) หรือที่เรียกอีกอย่างว่า กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) เป็นหนึ่งในวิตามินที่ร่างกายมีความต้องการเป็นอย่างมาก

เนื่องจากมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทาน ต่อต้านอนุมูลอิสระ เพื่อนำไปสร้างคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนมีประโยชน์ต่อการรักษาสุขภาพ และยังช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น กระดูก ฟัน และผิวหนังจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม IV Drip ถึงเป็นที่นิยมอย่างมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มดารา เซเลบชื่อดัง และปัจจุบันในประเทศไทย กำลังเป็นที่นิยมและมีแนวโน้มได้รับความสนใจจากคนรักสุขภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดูได้จากการรีวิวของบล็อกเกอร์ต่างๆ ในโซเชียลมีเดีย

ขั้นตอนการทำ IV Drip

การให้วิตามินด้วยวิธี IV Drip สะดวกและไม่ยุ่งยาก โดยจะเริ่มจากแพทย์ผู้ชำนาญการ จะทำการตรวจร่างกาย ให้ปรึกษา คำแนะนำที่เหมาะสมกับคนไข้ เพื่อเลือกวิตามินที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล จากนั้นพยาบาลที่มีความชำนาญการจะผสมวิตามินตามสูตรด้วยเทคนิคปลอดเชื้อ เมื่อผสมวิตามินเรียบร้อยแล้ว จะทำการเปิดเส้นที่ข้อพับแขน เพื่อต่อสายน้ำเกลือและปล่อยวิตามินค่อยๆซึมเข้าไปทางหลอดเลือดดำ 

การฉีดวิตามินผิวใส เหมาะกับ?

• สายเที่ยวสายปาร์ตี้ ทำงานดึกไม่มีเวลา พักผ่อนน้อย
• ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ ผิวพรรณให้ดูกระจ่างใส สุขภาพดี
• ต้องการชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย
• ผู้ที่ไม่ชอบทานวิตามิน ลืมทานอาหารเสริมอยู่บ่อยๆ
• เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 14 ปีขึ้นไปไม่มีโรคประจำตัว
• ผู้ที่ระบบภูมิต้านทำงานบกพร่อง เป็นหวัด โรคภูมิแพ้
• กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการหวัด โรคภูมิแพ้

การฉีดวิตามินผิวใสที่มีส่วนประกอบหลักเป็นวิตามินซีควรหลีกเลี่ยงในหญิงตั้งครรภ์, คนไข้ที่ป่วยเป็นโรคตับ ไต มีภาวะพร่องเอนไซม์  คนไข้ที่มีภาวะเหล็กเกินเพราะวิตามินซีจะเข้าไปทำให้ร่างกายเกิดการดูดซึมธาตุเหล็กได้มากขึ้นอีก ทำให้เกิดความไม่สมดุลของแร่ธาตุได้